วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วานปีศาจพูด : ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ


นิตยสาร หนุ่มสาว ของ ปกรณ์ พงศ์วราภา ฉบับที่ 14 ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2521 ลงบทสัมภาษณ์ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ โดย ชาวา กัญญ์ ว่าด้วยเรื่อง "เซ็กซ์" ล้วนๆ ยาวถึง 9 หน้า ใช้ชื่อว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับกามารมณ์ของเขา ขณะที่ปกหน้าโปรยไว้ว่า สัมภาษณ์พิเศษ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ "ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ"

ลองอ่านบางคำถาม-คำตอบเป็นตัวอย่าง



@คุณว่ากามารมณ์นั้นสำคัญไหม

"สำคัญซิ..."

@ที่ว่าสำคัญน่ะ สำคัญอย่างไร

"ก็อย่างน้อย ชีวิตของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่มีมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะพ่อกับแม่ได้สวมสอดอะไรกันพอสมควร ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เกิดขึ้นมาซิครับ ตัณหามันมีมากับสัตว์ทุกชนิด แม้กระทั่งกับใบไม้ต้นไม้ก็มีนะครับ เมื่อเรารู้ว่ามันต้องมีเราก็ควรทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นี่เราพูดกันอย่างคร่าวๆ นะครับ คืออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องผูกพันอยู่กับมัน เราจะต้องทำความเข้าใจมัน อย่าว่าแต่กามารมณ์เลย แม้กระทั่งวิธีหุงข้าวก็เหมือนกัน คุณต้องกินข้าวทุกวัน คุณควรจะหุงข้าวเป็นใช่มั้ย จริงหรือเปล่า หรืออย่างเหล้าถ้าคุณเห็นว่ามันจำเป็นกับชีวิตคุณ คุณก็ต้องทำความรู้จักกับมัน ชีวิตของคุณเองก็จะต้องแต่งงาน ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอย่างนี้เสียเลยผมว่ามันก็ไม่ถูกนะ มันต้องรู้

แต่ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไร มันจะรู้ก็ด้วยวิธีถามเขา เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วถ้าเราถามแม่ว่าหนูเกิดมาอย่างไร แม่บอกว่าเกิดทางสะดือ นี่สำหรับวันที่แม่อารมณ์ดีๆ นะ ถ้าอารมณ์ไม่ดีอาจจะผลักตกบันไดก็ได้...ถามอะไรไม่รู้สัปดน เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะต้องศึกษากัน ทีนี้เมื่อคุณและผมได้มาอยู่ในยุคที่เราโตกันแล้ว เราคงไม่ต้องมาถามกันแล้วว่าหนูเกิดมาจากไหน และคุณก็คงไม่เชื่อว่าใครจะเกิดมาทางสะดือแน่ๆ ทีนี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่ากามารมณ์มันทำให้เราสดชื่นอย่างไร มันสดชื่นเหมือนเดินทางมาเหนื่อยๆ แล้วได้อาบน้ำใช่มั้ยฮะ เพราะกามารมณ์นี่เราเสพได้ตลอดเวลาเท่าที่ร่างกายเราต้องการ เมื่อเวลาหิวข้าวก็เสพกามารมณ์ได้ ผมใช้คำเพราะไปหน่อยว่า...เสพ"



@ปรกติของคุณ สัปดาห์ละกี่ครั้ง

"แหม...ผมไม่ค่อยกำหนด มันขึ้นอยู่กับความพอดีฮะ ความพอดีระหว่างกัน คือผมมีความต้องการและเมียผมก็มีความต้องการ คือผมไม่ยอมตบมือข้างเดียวหรอก มันพบกันครึ่งทางก็ยากเพราะมันไม่ใช่เรื่องการเมือง มันต้องเตรียมใจกันก่อนที่จะออกมาพบกัน เพราะว่ามันควรจะต้องการพร้อมๆ กัน"



@หนุ่มสาวที่เป็นคู่รักกันในความคิดของคุณ จำเป็นไหมที่จะต้องมาเรียนรู้ในเรื่องกามารมณ์กันก่อนที่จะแต่งงาน

"ปัญหานี้ ถ้าผมตอบไปปัง บางทีหนังสือ "หนุ่มสาว" อาจจะได้รับจดหมายโจมตีอย่างนับไม่ถ้วนก็ได้นะ"


@อย่างกัญชาล่ะ บางคนว่ามันก็ปลุกได้เหมือนกันหรือ

"ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมเองก็เคยสูบกัญชา ถึงกับเคยร่วมอยู่กับขบวนการฮิปปี้ในซานฟรานซิสโก ก็ดูดกัญชากันเป็นประจำ เราไม่ได้มุ่งหมายเรื่องเซ็กซ์เป็นสำคัญหรอกคุณ และผมก็คิดว่ากัญชามันทำให้ขี้เกียจมากกว่า ขี้เกียจกระทั่งจะจูบผู้หญิงเลยแหละคุณ"



@พวกน้ำหอมต่างๆ มีความจำเป็นไหม

"ฮะ..จำเป็น ไอ้พวกน้ำหอมต่างๆ ที่มันขายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกได้นี่น่ะ ทั้งๆ ที่เราอยากจะปฏิเสธมันเหลือเกินเพราะความแพงของมัน มันก็ยังมีบทบาทของมันอยู่ ในการกระตุ้นความรู้สึกให้อ่อนไหว ไม่ได้หมายความว่าน้ำหอมทำให้เราเกิดกามารมณ์ แต่หมายถึงว่ามันทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่...อย่างไรดีล่ะ ผมไม่อยากใช้คำว่าโรแมนติค เพราะมันก็ไม่ใช่คำนี้ คือมันทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้น

อย่างผมน่ะ ทุกครั้งถ้าได้ยินเสียงแพร หรือเป็นผ้าซิ่นก็ได้หล่นจากตัวผู้หญิงลงมาบนพื้นในคืนที่เงียบๆ ผมรู้สึกชอบจริงๆ ชอบอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก ผมต้องค่อยๆ แอบมอง นี่มันเป็นศิลปของการมีชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่ว่ามาถึงก็เปลื้องเลย มันเกินไป

มันมีเดอตี้โจ๊กอย่างหนึ่ง...อะไรนี่ ชอบถากถางผู้ชายที่ชอบแอบดูเมียอาบน้ำ ปัทโธ่...ผมว่าไม่น่าถากถางเลย มันเป็นความจำเป็นของคนบางคนเหมือนกันนา ผมเองยังชอบแอบดูเมียอาบน้ำเลย มันรู้สึกตื่นเต้นดี มันมีการผจญภัยเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าทำกันจนเป็นนิจสินนะครับ ทำเพียงบางครั้งบางความรู้สึกเท่านั้นเอง"



@อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจแต่งงาน ทั้งๆ ที่อยู่เป็นโสดมาตั้งนาน

"ผมเขียนเสมอว่า ไอ้การเป็นคนของคนเรานั้น นับเป็นการถูกลงโทษชนิดหนึ่ง เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ฟาดฟันกับอุปสรรคกับปัญหารอบด้าน แต่กามารมณ์นี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหวังอยู่บ้าง ผมคิดว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมเป็นวัวไม่มีคอกมาตั้งนาน ผมก็เลยคิดแต่งงาน การแต่งงานก็ให้ความรักกับภรรยาและเราก็ได้ความรักตอบจากภรรยา มันก็เป็นการกระทำให้ชีวิตเราอบอุ่นขึ้นมาบ้างนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"



@คุณให้ความสำคัญกับอวัยวะทุกส่วนทุกชิ้นของเธอเท่าเทียมกัน หรือมีข้อห้ามในอวัยวะบางชิ้นบางส่วนของเธอขณะเมื่ออยู่ด้วยกันบนเตียงไหม

"ไม่ นอกเสียจากเล็บเท่านั้น เวลาเมคเลิฟจะต้องไม่แทะเล็บตีนเมียไปด้วย มันจะทำให้เธอรำคาญ ไอ้ของพวกนี้มันค้นพบได้ในระหว่างกัน คืออันนี้มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างทฤษฎีสร้างอะไรกัน มันค้นพบได้เองในระหว่างชีวิตที่ลึกล้ำระหว่างกัน แล้วเราไม่ละเลย ถ้าหากผู้ชายขี้เมาทุกวัน เห็นเมียเป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งที่ใช้สำเร็จความใคร่ก็แย่...ผู้หญิงที่ไม่เอาใจผัวเลย เพราะเห็นว่าเป็นภาวะจำยอมอย่างนี้ก็แย่อีก ถ้าหากผัวเมียศึกษากันและกันทุกอย่างคงราบรื่น"



@ผู้หญิงที่เซ็กซี่ในสายตาของคุณเป็นแบบไหน

"ผมไม่เคยจำกัดเลย ผมบอกแล้วว่ามันขึ้นอยู่กันบุคลิกของคน เวลาและโอกาสหลายๆ อย่างประกอบกันมากกว่า แต่ผมบอกคุณได้คำเดียวว่าผมไม่ชอบผู้หญิงที่โกนขนรักแร้ นี่เป็นความจริง แล้วก็อย่างพวกที่แต่งหน้ามากเกินไปผมก็ไม่ชอบ แต่ทว่าในบางอารมณ์ผมอาจจะชอบก็ได้ แต่โดยทั่วๆ ไปผมไม่ชอบ มันมากไป เพราะผมคงไม่เมคเลิฟกับกระป๋องสี ผมว่าผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้านี่บริสุทธิ์ สวย"

ฯลฯ






หมายเหตุ : ปกรณ์ พงศ์วราภา กล่าวไว้ในหนังสืออนุสรณ์ว่า "เป็นบทสัมภาษณ์ที่เจ๋งชิ้นหนึ่งในชีวิตการทำหนังสือ" โดยผู้สัมภาษณ์ครั้งนี้คือ ณิพรรณ กุลประสูตร

3 ความคิดเห็น: