นิตยสาร หนุ่มสาว ของ ปกรณ์ พงศ์วราภา ฉบับที่ 14 ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2521 ลงบทสัมภาษณ์ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ โดย ชาวา กัญญ์ ว่าด้วยเรื่อง "เซ็กซ์" ล้วนๆ ยาวถึง 9 หน้า ใช้ชื่อว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับกามารมณ์ของเขา ขณะที่ปกหน้าโปรยไว้ว่า สัมภาษณ์พิเศษ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ "ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ"
ลองอ่านบางคำถาม-คำตอบเป็นตัวอย่าง
"สำคัญซิ..."
@ที่ว่าสำคัญน่ะ สำคัญอย่างไร
"ก็อย่างน้อย ชีวิตของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่มีมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะพ่อกับแม่ได้สวมสอดอะไรกันพอสมควร ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เกิดขึ้นมาซิครับ ตัณหามันมีมากับสัตว์ทุกชนิด แม้กระทั่งกับใบไม้ต้นไม้ก็มีนะครับ เมื่อเรารู้ว่ามันต้องมีเราก็ควรทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นี่เราพูดกันอย่างคร่าวๆ นะครับ คืออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องผูกพันอยู่กับมัน เราจะต้องทำความเข้าใจมัน อย่าว่าแต่กามารมณ์เลย แม้กระทั่งวิธีหุงข้าวก็เหมือนกัน คุณต้องกินข้าวทุกวัน คุณควรจะหุงข้าวเป็นใช่มั้ย จริงหรือเปล่า หรืออย่างเหล้าถ้าคุณเห็นว่ามันจำเป็นกับชีวิตคุณ คุณก็ต้องทำความรู้จักกับมัน ชีวิตของคุณเองก็จะต้องแต่งงาน ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอย่างนี้เสียเลยผมว่ามันก็ไม่ถูกนะ มันต้องรู้
แต่ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไร มันจะรู้ก็ด้วยวิธีถามเขา เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วถ้าเราถามแม่ว่าหนูเกิดมาอย่างไร แม่บอกว่าเกิดทางสะดือ นี่สำหรับวันที่แม่อารมณ์ดีๆ นะ ถ้าอารมณ์ไม่ดีอาจจะผลักตกบันไดก็ได้...ถามอะไรไม่รู้สัปดน เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะต้องศึกษากัน ทีนี้เมื่อคุณและผมได้มาอยู่ในยุคที่เราโตกันแล้ว เราคงไม่ต้องมาถามกันแล้วว่าหนูเกิดมาจากไหน และคุณก็คงไม่เชื่อว่าใครจะเกิดมาทางสะดือแน่ๆ ทีนี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่ากามารมณ์มันทำให้เราสดชื่นอย่างไร มันสดชื่นเหมือนเดินทางมาเหนื่อยๆ แล้วได้อาบน้ำใช่มั้ยฮะ เพราะกามารมณ์นี่เราเสพได้ตลอดเวลาเท่าที่ร่างกายเราต้องการ เมื่อเวลาหิวข้าวก็เสพกามารมณ์ได้ ผมใช้คำเพราะไปหน่อยว่า...เสพ"
"แหม...ผมไม่ค่อยกำหนด มันขึ้นอยู่กับความพอดีฮะ ความพอดีระหว่างกัน คือผมมีความต้องการและเมียผมก็มีความต้องการ คือผมไม่ยอมตบมือข้างเดียวหรอก มันพบกันครึ่งทางก็ยากเพราะมันไม่ใช่เรื่องการเมือง มันต้องเตรียมใจกันก่อนที่จะออกมาพบกัน เพราะว่ามันควรจะต้องการพร้อมๆ กัน"
"ปัญหานี้ ถ้าผมตอบไปปัง บางทีหนังสือ "หนุ่มสาว" อาจจะได้รับจดหมายโจมตีอย่างนับไม่ถ้วนก็ได้นะ"
"ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมเองก็เคยสูบกัญชา ถึงกับเคยร่วมอยู่กับขบวนการฮิปปี้ในซานฟรานซิสโก ก็ดูดกัญชากันเป็นประจำ เราไม่ได้มุ่งหมายเรื่องเซ็กซ์เป็นสำคัญหรอกคุณ และผมก็คิดว่ากัญชามันทำให้ขี้เกียจมากกว่า ขี้เกียจกระทั่งจะจูบผู้หญิงเลยแหละคุณ"
"ฮะ..จำเป็น ไอ้พวกน้ำหอมต่างๆ ที่มันขายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกได้นี่น่ะ ทั้งๆ ที่เราอยากจะปฏิเสธมันเหลือเกินเพราะความแพงของมัน มันก็ยังมีบทบาทของมันอยู่ ในการกระตุ้นความรู้สึกให้อ่อนไหว ไม่ได้หมายความว่าน้ำหอมทำให้เราเกิดกามารมณ์ แต่หมายถึงว่ามันทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่...อย่างไรดีล่ะ ผมไม่อยากใช้คำว่าโรแมนติค เพราะมันก็ไม่ใช่คำนี้ คือมันทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้น
อย่างผมน่ะ ทุกครั้งถ้าได้ยินเสียงแพร หรือเป็นผ้าซิ่นก็ได้หล่นจากตัวผู้หญิงลงมาบนพื้นในคืนที่เงียบๆ ผมรู้สึกชอบจริงๆ ชอบอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก ผมต้องค่อยๆ แอบมอง นี่มันเป็นศิลปของการมีชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่ว่ามาถึงก็เปลื้องเลย มันเกินไป
มันมีเดอตี้โจ๊กอย่างหนึ่ง...อะไรนี่ ชอบถากถางผู้ชายที่ชอบแอบดูเมียอาบน้ำ ปัทโธ่...ผมว่าไม่น่าถากถางเลย มันเป็นความจำเป็นของคนบางคนเหมือนกันนา ผมเองยังชอบแอบดูเมียอาบน้ำเลย มันรู้สึกตื่นเต้นดี มันมีการผจญภัยเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าทำกันจนเป็นนิจสินนะครับ ทำเพียงบางครั้งบางความรู้สึกเท่านั้นเอง"
"ผมเขียนเสมอว่า ไอ้การเป็นคนของคนเรานั้น นับเป็นการถูกลงโทษชนิดหนึ่ง เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ฟาดฟันกับอุปสรรคกับปัญหารอบด้าน แต่กามารมณ์นี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหวังอยู่บ้าง ผมคิดว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมเป็นวัวไม่มีคอกมาตั้งนาน ผมก็เลยคิดแต่งงาน การแต่งงานก็ให้ความรักกับภรรยาและเราก็ได้ความรักตอบจากภรรยา มันก็เป็นการกระทำให้ชีวิตเราอบอุ่นขึ้นมาบ้างนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"
"ไม่ นอกเสียจากเล็บเท่านั้น เวลาเมคเลิฟจะต้องไม่แทะเล็บตีนเมียไปด้วย มันจะทำให้เธอรำคาญ ไอ้ของพวกนี้มันค้นพบได้ในระหว่างกัน คืออันนี้มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างทฤษฎีสร้างอะไรกัน มันค้นพบได้เองในระหว่างชีวิตที่ลึกล้ำระหว่างกัน แล้วเราไม่ละเลย ถ้าหากผู้ชายขี้เมาทุกวัน เห็นเมียเป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งที่ใช้สำเร็จความใคร่ก็แย่...ผู้หญิงที่ไม่เอาใจผัวเลย เพราะเห็นว่าเป็นภาวะจำยอมอย่างนี้ก็แย่อีก ถ้าหากผัวเมียศึกษากันและกันทุกอย่างคงราบรื่น"
"ผมไม่เคยจำกัดเลย ผมบอกแล้วว่ามันขึ้นอยู่กันบุคลิกของคน เวลาและโอกาสหลายๆ อย่างประกอบกันมากกว่า แต่ผมบอกคุณได้คำเดียวว่าผมไม่ชอบผู้หญิงที่โกนขนรักแร้ นี่เป็นความจริง แล้วก็อย่างพวกที่แต่งหน้ามากเกินไปผมก็ไม่ชอบ แต่ทว่าในบางอารมณ์ผมอาจจะชอบก็ได้ แต่โดยทั่วๆ ไปผมไม่ชอบ มันมากไป เพราะผมคงไม่เมคเลิฟกับกระป๋องสี ผมว่าผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้านี่บริสุทธิ์ สวย"
ฯลฯ
หมายเหตุ : ปกรณ์ พงศ์วราภา กล่าวไว้ในหนังสืออนุสรณ์ว่า "เป็นบทสัมภาษณ์ที่เจ๋งชิ้นหนึ่งในชีวิตการทำหนังสือ" โดยผู้สัมภาษณ์ครั้งนี้คือ ณิพรรณ กุลประสูตร
ทันสมัยแมน
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบครับ
ตอบลบ