วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปทานุกรมข้างแก้วเหล้า ในวารสารนักศึกษา


เห็นวารสารหน้าตาไม่คุ้นเคยเล่มนี้แล้วให้นึกแปลกใจที่พบว่ามีงานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ด้วย แถมยังมี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ อนุช อาภาภิรม อีกต่างหาก

ข้อมูลในเล่มไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าเป็นวารสารของ ชมรมศึกษาปัญหายาเสพติด จัดทำโดยนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ขณะที่ช่วงท้ายเล่มมีภาพกิจกรรมของชมรมในปี 2525 จึงคาดว่าวารสารฉบับนี้ทำออกมาช่วง พ.ศ.2525-2526 ยังดีที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคนขายว่าเป็นวารสารของชมรมในมหาวิทยาลัยรามคำแหง

งานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มีชื่อว่า ปทานุกรมข้างแก้วเหล้า หนึ่งในงานสไตล์เขียนได้ไม่รู้จบซึ่งเคยเผยแพร่ในหลายที่ ส่วนที่ลงในวารสาร'เสพติดนี้ตรงกับเนื้อหาในเล่ม จากแชมเปญถึงกัญชา (2519)

ถามว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ได้ส่งเรื่องนี้ไปตามการทาบทามร้องขอของนักศึกษาหรือ? คำตอบคือไม่ใช่



ในบทบรรณาธิการ จากคนทำถึงคนอ่าน ได้ออกตัวไว้ว่า "สำหรับนักเขียนใหญ่และดังอีกหลายท่านที่เรานำเอาบทความของท่านมาลงโดยมิได้บอกกล่าว ต้องขออภัยและขอขอบคุณมาพร้อมกัน...."

จุดที่ไม่ได้ขออภัยคือชื่อ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ซึ่งเขียนผิดทุกแห่ง ตั้งแต่ปก บทบรรณาธิการ จนถึงส่วนเนื้อหาเลยทีเดียว



วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วานปีศาจพูด : ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ


นิตยสาร หนุ่มสาว ของ ปกรณ์ พงศ์วราภา ฉบับที่ 14 ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2521 ลงบทสัมภาษณ์ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ โดย ชาวา กัญญ์ ว่าด้วยเรื่อง "เซ็กซ์" ล้วนๆ ยาวถึง 9 หน้า ใช้ชื่อว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับกามารมณ์ของเขา ขณะที่ปกหน้าโปรยไว้ว่า สัมภาษณ์พิเศษ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ "ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ"

ลองอ่านบางคำถาม-คำตอบเป็นตัวอย่าง



@คุณว่ากามารมณ์นั้นสำคัญไหม

"สำคัญซิ..."

@ที่ว่าสำคัญน่ะ สำคัญอย่างไร

"ก็อย่างน้อย ชีวิตของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่มีมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะพ่อกับแม่ได้สวมสอดอะไรกันพอสมควร ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เกิดขึ้นมาซิครับ ตัณหามันมีมากับสัตว์ทุกชนิด แม้กระทั่งกับใบไม้ต้นไม้ก็มีนะครับ เมื่อเรารู้ว่ามันต้องมีเราก็ควรทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นี่เราพูดกันอย่างคร่าวๆ นะครับ คืออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องผูกพันอยู่กับมัน เราจะต้องทำความเข้าใจมัน อย่าว่าแต่กามารมณ์เลย แม้กระทั่งวิธีหุงข้าวก็เหมือนกัน คุณต้องกินข้าวทุกวัน คุณควรจะหุงข้าวเป็นใช่มั้ย จริงหรือเปล่า หรืออย่างเหล้าถ้าคุณเห็นว่ามันจำเป็นกับชีวิตคุณ คุณก็ต้องทำความรู้จักกับมัน ชีวิตของคุณเองก็จะต้องแต่งงาน ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอย่างนี้เสียเลยผมว่ามันก็ไม่ถูกนะ มันต้องรู้

แต่ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไร มันจะรู้ก็ด้วยวิธีถามเขา เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วถ้าเราถามแม่ว่าหนูเกิดมาอย่างไร แม่บอกว่าเกิดทางสะดือ นี่สำหรับวันที่แม่อารมณ์ดีๆ นะ ถ้าอารมณ์ไม่ดีอาจจะผลักตกบันไดก็ได้...ถามอะไรไม่รู้สัปดน เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะต้องศึกษากัน ทีนี้เมื่อคุณและผมได้มาอยู่ในยุคที่เราโตกันแล้ว เราคงไม่ต้องมาถามกันแล้วว่าหนูเกิดมาจากไหน และคุณก็คงไม่เชื่อว่าใครจะเกิดมาทางสะดือแน่ๆ ทีนี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่ากามารมณ์มันทำให้เราสดชื่นอย่างไร มันสดชื่นเหมือนเดินทางมาเหนื่อยๆ แล้วได้อาบน้ำใช่มั้ยฮะ เพราะกามารมณ์นี่เราเสพได้ตลอดเวลาเท่าที่ร่างกายเราต้องการ เมื่อเวลาหิวข้าวก็เสพกามารมณ์ได้ ผมใช้คำเพราะไปหน่อยว่า...เสพ"



@ปรกติของคุณ สัปดาห์ละกี่ครั้ง

"แหม...ผมไม่ค่อยกำหนด มันขึ้นอยู่กับความพอดีฮะ ความพอดีระหว่างกัน คือผมมีความต้องการและเมียผมก็มีความต้องการ คือผมไม่ยอมตบมือข้างเดียวหรอก มันพบกันครึ่งทางก็ยากเพราะมันไม่ใช่เรื่องการเมือง มันต้องเตรียมใจกันก่อนที่จะออกมาพบกัน เพราะว่ามันควรจะต้องการพร้อมๆ กัน"



@หนุ่มสาวที่เป็นคู่รักกันในความคิดของคุณ จำเป็นไหมที่จะต้องมาเรียนรู้ในเรื่องกามารมณ์กันก่อนที่จะแต่งงาน

"ปัญหานี้ ถ้าผมตอบไปปัง บางทีหนังสือ "หนุ่มสาว" อาจจะได้รับจดหมายโจมตีอย่างนับไม่ถ้วนก็ได้นะ"


@อย่างกัญชาล่ะ บางคนว่ามันก็ปลุกได้เหมือนกันหรือ

"ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมเองก็เคยสูบกัญชา ถึงกับเคยร่วมอยู่กับขบวนการฮิปปี้ในซานฟรานซิสโก ก็ดูดกัญชากันเป็นประจำ เราไม่ได้มุ่งหมายเรื่องเซ็กซ์เป็นสำคัญหรอกคุณ และผมก็คิดว่ากัญชามันทำให้ขี้เกียจมากกว่า ขี้เกียจกระทั่งจะจูบผู้หญิงเลยแหละคุณ"



@พวกน้ำหอมต่างๆ มีความจำเป็นไหม

"ฮะ..จำเป็น ไอ้พวกน้ำหอมต่างๆ ที่มันขายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกได้นี่น่ะ ทั้งๆ ที่เราอยากจะปฏิเสธมันเหลือเกินเพราะความแพงของมัน มันก็ยังมีบทบาทของมันอยู่ ในการกระตุ้นความรู้สึกให้อ่อนไหว ไม่ได้หมายความว่าน้ำหอมทำให้เราเกิดกามารมณ์ แต่หมายถึงว่ามันทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่...อย่างไรดีล่ะ ผมไม่อยากใช้คำว่าโรแมนติค เพราะมันก็ไม่ใช่คำนี้ คือมันทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้น

อย่างผมน่ะ ทุกครั้งถ้าได้ยินเสียงแพร หรือเป็นผ้าซิ่นก็ได้หล่นจากตัวผู้หญิงลงมาบนพื้นในคืนที่เงียบๆ ผมรู้สึกชอบจริงๆ ชอบอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก ผมต้องค่อยๆ แอบมอง นี่มันเป็นศิลปของการมีชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่ว่ามาถึงก็เปลื้องเลย มันเกินไป

มันมีเดอตี้โจ๊กอย่างหนึ่ง...อะไรนี่ ชอบถากถางผู้ชายที่ชอบแอบดูเมียอาบน้ำ ปัทโธ่...ผมว่าไม่น่าถากถางเลย มันเป็นความจำเป็นของคนบางคนเหมือนกันนา ผมเองยังชอบแอบดูเมียอาบน้ำเลย มันรู้สึกตื่นเต้นดี มันมีการผจญภัยเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าทำกันจนเป็นนิจสินนะครับ ทำเพียงบางครั้งบางความรู้สึกเท่านั้นเอง"



@อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจแต่งงาน ทั้งๆ ที่อยู่เป็นโสดมาตั้งนาน

"ผมเขียนเสมอว่า ไอ้การเป็นคนของคนเรานั้น นับเป็นการถูกลงโทษชนิดหนึ่ง เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ฟาดฟันกับอุปสรรคกับปัญหารอบด้าน แต่กามารมณ์นี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหวังอยู่บ้าง ผมคิดว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมเป็นวัวไม่มีคอกมาตั้งนาน ผมก็เลยคิดแต่งงาน การแต่งงานก็ให้ความรักกับภรรยาและเราก็ได้ความรักตอบจากภรรยา มันก็เป็นการกระทำให้ชีวิตเราอบอุ่นขึ้นมาบ้างนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"



@คุณให้ความสำคัญกับอวัยวะทุกส่วนทุกชิ้นของเธอเท่าเทียมกัน หรือมีข้อห้ามในอวัยวะบางชิ้นบางส่วนของเธอขณะเมื่ออยู่ด้วยกันบนเตียงไหม

"ไม่ นอกเสียจากเล็บเท่านั้น เวลาเมคเลิฟจะต้องไม่แทะเล็บตีนเมียไปด้วย มันจะทำให้เธอรำคาญ ไอ้ของพวกนี้มันค้นพบได้ในระหว่างกัน คืออันนี้มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างทฤษฎีสร้างอะไรกัน มันค้นพบได้เองในระหว่างชีวิตที่ลึกล้ำระหว่างกัน แล้วเราไม่ละเลย ถ้าหากผู้ชายขี้เมาทุกวัน เห็นเมียเป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งที่ใช้สำเร็จความใคร่ก็แย่...ผู้หญิงที่ไม่เอาใจผัวเลย เพราะเห็นว่าเป็นภาวะจำยอมอย่างนี้ก็แย่อีก ถ้าหากผัวเมียศึกษากันและกันทุกอย่างคงราบรื่น"



@ผู้หญิงที่เซ็กซี่ในสายตาของคุณเป็นแบบไหน

"ผมไม่เคยจำกัดเลย ผมบอกแล้วว่ามันขึ้นอยู่กันบุคลิกของคน เวลาและโอกาสหลายๆ อย่างประกอบกันมากกว่า แต่ผมบอกคุณได้คำเดียวว่าผมไม่ชอบผู้หญิงที่โกนขนรักแร้ นี่เป็นความจริง แล้วก็อย่างพวกที่แต่งหน้ามากเกินไปผมก็ไม่ชอบ แต่ทว่าในบางอารมณ์ผมอาจจะชอบก็ได้ แต่โดยทั่วๆ ไปผมไม่ชอบ มันมากไป เพราะผมคงไม่เมคเลิฟกับกระป๋องสี ผมว่าผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้านี่บริสุทธิ์ สวย"

ฯลฯ






หมายเหตุ : ปกรณ์ พงศ์วราภา กล่าวไว้ในหนังสืออนุสรณ์ว่า "เป็นบทสัมภาษณ์ที่เจ๋งชิ้นหนึ่งในชีวิตการทำหนังสือ" โดยผู้สัมภาษณ์ครั้งนี้คือ ณิพรรณ กุลประสูตร

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภาพของเขา (และ คุณชาย) : เสด็จฯเหนือ



ภาพชุด เสด็จฯเหนือ โดย คึกฤทธิ์ ปราโมช และ 'รงค์ วงษ์สวรรค์

ชาวกรุง ปีที่ 7 เล่มที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2501















วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จากศิษย์เก่าเตรียมอุดมฯ รุ่น 10


ใต้ร่มบุญญา เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นโดยสมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษา สำหรับงานคืนสู่เหย้า ชาว ต.อ. ครั้งที่ 26 ที่มีชื่องานว่า "ดับโลกร้อน ย้อนวันวาน เยือนบ้าน ต.อ." เมื่อวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2551 ภายในเล่มประกอบด้วยงานเขียนของบรรดานักเขียนผู้เป็นนักเรียนเก่าเตรียมอุดมฯมากมายหลายรุ่น หนึ่งในนั้นคือศิษย์เก่ารุ่นที่ 10 ชื่อ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ 




เนื่องจากตรงกับปีมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา ชมัยภร แสงกระจ่าง ผู้รับหน้าที่สาราณียกรจึงรวบรวมและคัดเลือกผลงานของศิษย์เก่าเตรียมอุดมศึกษาตั้งแต่รุ่นที่ 1 (ถึงเพียงรุ่นที่ 39 เพราะข้อจำกัดเรื่องปริมาณเนื้อหา) เริ่มจากงานเขียนในลักษณะเฉลิมพระเกียรติหรือเขียนถึงพระราชจริยาวัตรของพระองค์ ตามมาด้วยผลงานที่แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยเคลื่อนมาอย่างไรในยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน ลองไล่เรียงรายชื่อแล้วจะพบว่าเป็นหนังสือที่มากด้วยนักเขียนอาวุโส-นักเขียนรุ่นใหญ่แทบทั้งนั้น

งานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ อยู่ในส่วนของ "เรื่องแต่ง" เป็นเรื่องสั้นชื่อว่า ผม (ประชาชน) คัดจากหนังสือ ความหิวที่รัก



วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภาพของเขา : ณ เวลาสายัณห์แห่งพิมาย



ภาพชุด ณ เวลาสายัณห์แห่งพิมาย โดย 'รงค์ วงษ์สวรรค์

ชาวกรุง ปีที่ 18 เล่มที่ 5 กุมภาพันธ์ 2512













วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ชำระข้อมูลการพิมพ์ : แดงรวี



แดงรวี คือนวนิยายที่ขยายรายละเอียดจากเรื่องสั้น ความทุกข์ของนายคำนวร ลงต่อเนื่องในนิตยสารสายฝนรายสัปดาห์ ช่วง พ.ศ.2513 ก่อนจะถูกนำมารวมเล่มเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2514

ถึงปัจจุบัน แดงรวี จัดพิมพ์มาแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้ง

ครั้งที่ 1 สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น พ.ศ.2514 (ปกแข็ง)
ครั้งที่ 2 สำนักพิมพ์นกกระดาษ พ.ศ.2532
ครั้งที่ 3 สำนักพิมพ์บ้านหนังสือ พ.ศ.2538
ครั้งที่ 4 สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2544

ความคลาดเคลื่อนเรื่องข้อมูลการพิมพ์เกิดขึ้นในการพิมพ์ครั้งที่ 4 โดยสำนักพิมพ์มติชน เนื่องจากได้ระบุไว้ว่าเป็นการพิมพ์ครั้งที่ 3 ถัดจากสำนักพิมพ์นกกระดาษ ข้ามฉบับของสำนักพิมพ์บ้านหนังสือไปดื้อๆ

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของฉบับมติชนคือการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับชื่อเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้ ว่าไม่ใช่ แดง รวี แต่เป็น แดงรวี อันเป็นความตั้งใจแต่แรกของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ หลังจากการพิมพ์สามครั้งก่อนหน้านี้ใช้ว่า แดง รวี ตามชื่อ-นามสกุลของตัวละคร


ข้อมูลเพิ่มเติม

ในการพิมพ์ครั้งแรก มีเรื่องสั้นขนาดยาวอีก 3 เรื่อง รวมอยู่ด้วย ได้แก่ นวลพนอ อรไท นินทาผัว, ดำ เกสร และ ลมหายใจนาคร แต่การพิมพ์ครั้งต่อๆ มาได้ตัดออกทั้งหมดให้เหลือเพียง แดงรวี เรื่องเดียว เท่าที่เช็กดูเรื่องสั้นทั้ง 3 เรื่อง ยังไม่เคยถูกนำมารวมพิมพ์ในเล่มใดอีก






หมายเหตุ

- หัวข้อ "ชำระข้อมูลการพิมพ์" มีขึ้นเพื่อแจกแจงและบันทึกข้อมูลการพิมพ์ผลงานของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ให้ถูกต้องเพื่อประโยชน์ต่อการพิมพ์คราวต่อๆ ไปในอนาคต และสำหรับผู้ที่สะสมหนังสือของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มิได้มีเจตนาจับผิดหรือตำหนิใครแต่อย่างใด หลังจาก แดงรวี แล้วจะมีการชำระข้อมูลเรื่องอื่นๆ อีก โปรดติดตาม

- บล็อกพญาอินทรีต้องการตัวอย่าง "นิตยสารสายฝนรายสัปดาห์" ที่ตีพิมพ์เรื่อง แดงรวี หากท่านใดต้องการแบ่งปันหรือขายต่อจะขอบคุณอย่างยิ่ง

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สูจิบัตรภาพยนตร์...สิงหาสุทิศา


นอกจากมีงานเขียนทั้งประจำและไม่ประจำในนิตยสารมากมายหลายหัวจนยากจะจดบันทึกกันให้ครบถ้วน (หนึ่งในภารกิจของบล็อกพญาอินทรี) 'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยมีงานเขียนในสิ่งพิมพ์ที่เรียกว่า สูจิบัตรข่าวภาพยนตร์ ด้วย

เป็นสูจิบัตรข่าวภาพยนตร์ประจำโรงลิโด-สกาล่า-เฉลิมไทย-สยาม ฉบับที่ใช้ชื่อว่า สิงหาสุทิศา ออกเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2514

สิงหาสุทิศา ไม่ใช่ชื่อจริงหรือชื่อประจำของสูจิบัตร เพราะแต่ละฉบับจะเปลี่ยนชื่อไปตามชื่อเดือนและหนังที่นำขึ้นปก (คล้ายๆ กับที่ 'รงค์ เล่นกับชื่อของเฟื่องนคร) เช่น "ฝันมีนา" ออกในเดือนมีนาคม ปกเป็นหนังเรื่อง Man of La Mancha ซึ่งมีชื่อไทยว่า "ฝัน" หรือใช้ชื่อว่า "พฤศจิกาหมอผี" กับเรื่อง The Exorcist ส่วน สิงหาสุทิศา มาจากเดือนสิงหาคม และชื่อ สุทิศา พัฒนุช ดาราสาวจากเรื่อง เพชรพระอุมา ซึ่งถูกนำมาขึ้นปก




อันที่จริง ลักษณะของสูจิบัตรฉบับนี้เหมือนกับวารสารมากกว่า คือออกตามวาระ มีคอลัมน์ประจำ ข่าวสาร บทความ แต่เหตุที่เรียกว่าสูจิบัตรอาจเพื่อให้สอดคล้องกับการแจกสูจิบัตรภาพยนตร์เป็นเรื่องๆ ที่เคยมีก่อนหน้านี้ ประกอบกับบางครั้งจัดทำเป็นเล่มเล็กและบางมากๆ พอจะอ่านและทิ้งได้เลย (บางคนจึงเรียกว่า หนังสือใบปลิว) เนื้อหาในเล่มถือว่าไม่ธรรมดา นอกจาก 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ซึ่งมาร่วมเขียนในฉบับนี้แล้ว ยังมีนักเขียนทั้งประจำและไม่ประจำอย่าง วิลาศ มณีวัต สันตสิริ ภิญโญ ศรีจำลอง นิมิต ศัลยา และเวทย์ บูรณะ ยังไม่นับฉบับเก่าๆ ที่มี ประมูล อุณหธูป และประจวบ ทองอุไร เคยเขียนประจำอยู่ด้วย เรียกได้ว่าคับคั่งด้วยนักเขียนดังจนนิตยสารบางเล่มยังต้องอาย

สำหรับงานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มีชื่อว่า มือที่เคยหยิบเงิน ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท มาขยี้ กับการจัดหน้าที่แปลกพิกลเพราะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง มีข้อเขียนของ นิมิต ศัลยา คั่นกลาง

เชิญอ่านทั้งบทโดยคลิกเพื่อดูภาพใหญ่ได้เลย






หมายเหตุ : เชิญร่วมแบ่งปัน...หากท่านใดมีข้อมูลว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มีงานเขียนในสูจิบัตรข่าวภาพยนตร์ฉบับอื่นนอกเหนือจากนี้

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปฐมบทของ "แม่ม่ายบุษบง"



ก่อนจะมาเป็น แม่ม่ายบุษบง หนึ่งในรวมเรื่องสั้นโดยประพันธ์สาส์นเมื่อ พ.ศ.2517 หล่อนเคยมีชื่อยาวๆ สมกับขนาดของเนื้อหาว่า บันทึกจากความสงสัย ส่วนน่าขย้ำบนชิ้นเนื้อ ลงต่อเนื่อง 3 ตอนจบในนิตยสาร His รายเดือน ตั้งแต่ฉบับปฐมฤกษ์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมีนาคม ถึงฉบับที่ 3 เดือนพฤษภาคม 2517





His เป็นนิตยสารสำหรับผู้ชายในยุคเฟื่องฟู พิเศษคือ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ นั่งแท่นบรรณาธิการที่ปรึกษาให้กับนิตยสาร ดังนั้น นอกจากประเดิมเรื่องสั้นขนาดยาวตั้งแต่ฉบับแรกแล้ว ฉบับต่อมายังเปิดคอลัมน์ ๒๘ ดีกรีผสมกาแฟดำเที่ยงวัน บรั่นดีแกล้มสังขยาเที่ยงคืน เพิ่มเติมอีกด้วย



สำหรับ บันทึกจากความสงสัย ส่วนน่าขย้ำบนชิ้นเนื้อ มีภาพลายเส้นประกอบเรื่องโดย Boon สังเกตว่าหัวเรื่องในฉบับแรก ตรงคำว่า ส่วนน่าขย้ำ เขียนผิดเป็น ส่วนหน้าขย้ำ แต่ได้แก้ไขแล้วในฉบับต่อมา


วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

'รงค์ วงษ์สวรรค์ สัมภาษณ์ วันดี ศรีตรัง



วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 เวลา 19.30 น. สถานที่คือห้องอาหาร ทะเลทอง ซีฟู้ด อินน์ ภายใน สยาม คอนติเนนตัล โฮเทล กรุงเทพฯ

'รงค์ วงษ์สวรรค์ และใครอีกบางคนจากนิตยสารดาวสยาม นัดพบกับ วันดี ศรีตรัง พร้อมด้วย เปี๊ยก โปสเตอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "ชู้" ที่มีวันดีเป็นนางเอก เพื่อสัมภาษณ์เธอและเขา โดยเฉพาะวันดีซึ่ง 'รงค์ วงษ์สวรรค์ วงเล็บท้ายชื่อเธอว่า (ถึงอย่างไรพรุ่งนี้หล่อนก็เป็นดารา)

บทสัมภาษณ์ครั้งนี้เรียบเรียงลงในนิตยสารดาวสยาม (คาดว่าเป็นฉบับปฐมฤกษ์ ธันวาคม 2515 - หนังสือไม่ระบุไว้) โดยใช้ชื่อว่า โทรศัพท์หมายเลข 670948 'ดิฉันวันดีค่ะ...' จากตรัง แล้วหล่อนเดินทางมาบนถนนดารา




นี่คือบางประโยคของบทสัมภาษณ์ (เรา หมายถึง 'รงค์ วงษ์สวรรค์)


เรา : ผมได้ยินหลายคนพูดและเคยอ่านพบว่าคุณเป็นแม่ม่าย?

วันดี : (ยิ้ม)

เรา : คุณเชื่อในความรักไหม?

วันดี : ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ

เรา : การแต่งงานเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณอย่างไรบ้าง?

วันดี : มีภาระ และมีการรอคอยบางอย่างค่ะ

เรา : ความสุข?

วันดี : เป็นความอบอุ่นที่รู้ว่ามีคนดูแลชีวิต มีคนเป็นห่วง

เรา : ในด้านกามารมณ์

วันดี : ไม่พูดได้ไหมคะ-อาย

เรา : บางทีผู้อ่านจะรู้จักคุณได้ดียิ่งขึ้นก่อนพบคุณบนจอเงิน ขอโทษ! ความรู้สึกของคุณในคืนแรกของการแต่งงาน?

วันดี : ตกใจค่ะ

เรา : แล้วหลังจากนั้น?

วันดี : ดิฉันแยกไม่ออกระหว่างความนับถือและความรัก

เรา : คุณผิดหวังหรือ?

วันดี : ไม่ค่ะ แต่บางอย่างกะทันหันเกินไปสำหรับดิฉัน

เรา : ผ่านคำถามถึงความหลัง ขณะนี้คุณเป็นม่ายและผมอยากเชื่อไว้ก่อนว่าคุณจะเป็นดารา แล้วจากนั้นคุณจะพบผู้ชายอีกมากมาย มันเป็นไปได้ว่าคุณจะพบความรัก มันอาจเป็นความรักราบรื่น หรือเป็นความผิดหวัง คุณจะร้องไห้ไหม? ถ้าพบความผิดหวัง?

วันดี : ไม่ค่ะ

เรา : คำถามที่ผู้ชายอยากรู้มากเกี่ยวกับผู้หญิง ในคืนเปลี่ยวใจคุณทำอย่างไร?

วันดี : อย่าคิดถึงมันซีคะ

เรา : มันอาจรุนแรงในบางคืน? ขอโทษ! ถ้าเป็นการล่วงเกินคุณไม่จำเป็นต้องตอบ

วันดี : ดิฉันซบหน้ากับหมอนค่ะ

ฯลฯ