วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

น้ำค้างหยดเดียวในความเป็น 'รงค์ วงษ์สวรรค์



คัดจาก น้ำค้างหยดเดียวในความเป็น 'รงค์ วงษ์สวรรค์
นสพ.ผู้จัดการรายวัน วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2542

บันทึกงานเสวนา นินทานายกรัฐมนตรี ณ ร้านนายอินทร์ สาขาท่าพระจันทร์
วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2542 ดำเนินการเสวนาโดย สกุล บุณยทัต

--------------------


"ผมไม่ชอบเขียนเรื่องของตัวเอง ถ้าจะมีตัวเองเข้าไปบ้างก็หมายความว่าเพื่อจะอธิบายอะไรบางอย่างเท่านั้น แต่สิ่งที่ผมหวงแหนที่สุดคือความเป็นตัวของตัวเอง จะไม่ใส่ไปในเรื่องงานเขียนเด็ดขาด..."

"ส่วนมากตัวละครในหนังสือของผมเป็นคนที่เคยรู้จัก ผมทำงานแบบเก่าๆ สักหน่อยคือต้องมีตัวละครแล้วจึงหาฉาก จากนั้นจึงหาเหตุการณ์บรรจุเข้าไป จะให้คิดเอาเองไม่ได้ มันต้องมีเงาของใครสักคนอยู่ในนั้น..."

"อย่างสมรตัวละครซึ่งระเบียบจัด เรียนให้ทราบเลยว่าสมรที่เป็นหัวหน้าซ่องนั้นเป็นพี่สาวของนายตำรวจระดับนายพล แต่เขาชอบใช้ชีวิตหากินอย่างนี้ แม่ของผมจะเรียกพวกนี้ว่าผู้หญิงชั้นสูง..."

"นวนิยายหลายเรื่องต่อๆ มาผมก็จะจบห้วนๆ ตั้งหลายครั้ง เพราะบรรณาธิการที่เป็นสตรีบางทีก็พูดให้ผมสะเทือนใจหาว่าลามก ซึ่งผมไม่เข้าใจเพราะผมเห็นว่าผมไม่ใช่ทำเรื่องลามก เลยอยากจะหยุดเขียนไปซะ ผมเสียใจน่ะ ก็ผมเป็นคนนี่"

"ผมทำงานในแนวทางของผม คือผมจะระลึกอยู่เสมอว่าอย่าทำงานเกินความสามารถ ถ้าผมไม่ใช่นักปรัชญาผมก็ไม่เขียนเรื่องปรัชญา..."

"อันนี้มันเป็นความจริงที่จริง ไม่ต้องเอาลัทธิการเมืองมาจับ ลูกสาวคุณอายุ 6 ขวบก็มีสิทธิโดนข่มขืน เดี๋ยวนี้เราสร้างครูมาให้เป็นนักข่มขืน สร้างพระมาให้เป็นนักสืบพันธุ์ มันวิปริตกันถึงขนาดนี้แล้ว"

"กรุงเทพฯเมื่อก่อนคับแคบ เดี๋ยวนี้เป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ เอางี้ละกันว่าผมหลงทาง มาทีไรก็อาศัยน้องๆ หลานๆ รับมาเพราะไปไหนไม่ถูก ขับรถขึ้นทางด่วนก็เกือบถูกฆ่าหลายหนเพราะเลี้ยวไม่ถูกช่อง แต่ไม่เป็นไรครับ ก็ไม่ขับมัน"

"หลงกลิ่นกัญชาผมกลับมานั่งเขียนที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมเห็นว่ากรุงเทพฯเกิดอันตรายขึ้นแล้ว คือเพื่อนนักหนังสือพิมพ์เองก็เข้าใจคำว่าฮิปปี้ผิด นักการเมืองสมัยนั้นยุคถนอม ประภาส เห็นคนไว้ผมยาวก็บอกว่าเป็นฮิปปี้ ซึ่งผมเห็นว่าไม่เป็นธรรม..."

"แท้จริงเราเรียกร้องแม้กระทั่งการพูดที่เป็นเสรี ซึ่งในอเมริกาไม่มีครับ อย่าคิดว่ามี ไม่มี(เน้นเสียง) คนพูดความจริงต้องตายเช่นเดียวกัน อย่านึกว่ามีแต่ประเทศไทยของคุณกับของผมเท่านั้น..."

"ปีนี้ผมอายุ 68 คนไทยมี 60 ล้าน ผมคิดแบบโง่ๆ อย่างของผมว่า ถ้ามันไม่โกง ไม่คอร์รัปชั่นกันบ้านเมืองไม่เป็นอย่างนี้หรอก มันมีจุดเดียวนี่แหละ.."

"เมืองไทยคนชั้นกลางมันหายไปช่วงหนึ่งช่วงเผด็จการ แต่ตอนนี้ทุกคนอยากเป็นคนชั้นกลาง ชนชั้นกลางคืออะไร คือคนที่ต้องมีเครดิตการ์ด มีมือถือ รถยนต์สักคัน บ้านผ่อนส่ง.."

"การจะเข้าสู่สภาพนี้ได้ไม่ใช่ง่ายนะครับ โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม และในประเทศที่นักการเมืองถือว่าการเมืองนั้นเป็นธุรกิจชนิดหนึ่ง"

"นักการเมืองทุกวันนี้ไม่ได้ชี้ทางอะไรให้เราสักอย่าง มีแต่เอาตีนถีบเราไปสู่นรก..."

"ทุกวันนี้ผมเขียนหนังสือด้วยลายมือ หรือไม่ก็พิมพ์ดีดธรรมดา ลองเขียนคอมพิวเตอร์ดูแล้ว เขียนไม่เป็น ให้กดอะไรมันยุ่งไปหมด กลัวมันระเบิดเอา จริงๆ นะเป็นความสัตย์..."

"โทรศัพท์มือถือก็มีอยู่ในรถ แต่ผมกดไม่เป็น เป็นโทรศัพท์แบบนักข่าว กว่าจะพูดได้ทีเหนื่อยเหลือเกิน ดังอ๊อดแอ๊ดๆ"








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น