วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปทานุกรมข้างแก้วเหล้า ในวารสารนักศึกษา


เห็นวารสารหน้าตาไม่คุ้นเคยเล่มนี้แล้วให้นึกแปลกใจที่พบว่ามีงานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ด้วย แถมยังมี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ อนุช อาภาภิรม อีกต่างหาก

ข้อมูลในเล่มไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าเป็นวารสารของ ชมรมศึกษาปัญหายาเสพติด จัดทำโดยนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ขณะที่ช่วงท้ายเล่มมีภาพกิจกรรมของชมรมในปี 2525 จึงคาดว่าวารสารฉบับนี้ทำออกมาช่วง พ.ศ.2525-2526 ยังดีที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคนขายว่าเป็นวารสารของชมรมในมหาวิทยาลัยรามคำแหง

งานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มีชื่อว่า ปทานุกรมข้างแก้วเหล้า หนึ่งในงานสไตล์เขียนได้ไม่รู้จบซึ่งเคยเผยแพร่ในหลายที่ ส่วนที่ลงในวารสาร'เสพติดนี้ตรงกับเนื้อหาในเล่ม จากแชมเปญถึงกัญชา (2519)

ถามว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ได้ส่งเรื่องนี้ไปตามการทาบทามร้องขอของนักศึกษาหรือ? คำตอบคือไม่ใช่



ในบทบรรณาธิการ จากคนทำถึงคนอ่าน ได้ออกตัวไว้ว่า "สำหรับนักเขียนใหญ่และดังอีกหลายท่านที่เรานำเอาบทความของท่านมาลงโดยมิได้บอกกล่าว ต้องขออภัยและขอขอบคุณมาพร้อมกัน...."

จุดที่ไม่ได้ขออภัยคือชื่อ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ซึ่งเขียนผิดทุกแห่ง ตั้งแต่ปก บทบรรณาธิการ จนถึงส่วนเนื้อหาเลยทีเดียว



วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วานปีศาจพูด : ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ


นิตยสาร หนุ่มสาว ของ ปกรณ์ พงศ์วราภา ฉบับที่ 14 ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2521 ลงบทสัมภาษณ์ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ โดย ชาวา กัญญ์ ว่าด้วยเรื่อง "เซ็กซ์" ล้วนๆ ยาวถึง 9 หน้า ใช้ชื่อว่า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับกามารมณ์ของเขา ขณะที่ปกหน้าโปรยไว้ว่า สัมภาษณ์พิเศษ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ "ผมชอบแอบดูเมียอาบน้ำ"

ลองอ่านบางคำถาม-คำตอบเป็นตัวอย่าง



@คุณว่ากามารมณ์นั้นสำคัญไหม

"สำคัญซิ..."

@ที่ว่าสำคัญน่ะ สำคัญอย่างไร

"ก็อย่างน้อย ชีวิตของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่มีมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะพ่อกับแม่ได้สวมสอดอะไรกันพอสมควร ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เกิดขึ้นมาซิครับ ตัณหามันมีมากับสัตว์ทุกชนิด แม้กระทั่งกับใบไม้ต้นไม้ก็มีนะครับ เมื่อเรารู้ว่ามันต้องมีเราก็ควรทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นี่เราพูดกันอย่างคร่าวๆ นะครับ คืออะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องผูกพันอยู่กับมัน เราจะต้องทำความเข้าใจมัน อย่าว่าแต่กามารมณ์เลย แม้กระทั่งวิธีหุงข้าวก็เหมือนกัน คุณต้องกินข้าวทุกวัน คุณควรจะหุงข้าวเป็นใช่มั้ย จริงหรือเปล่า หรืออย่างเหล้าถ้าคุณเห็นว่ามันจำเป็นกับชีวิตคุณ คุณก็ต้องทำความรู้จักกับมัน ชีวิตของคุณเองก็จะต้องแต่งงาน ถ้าคุณไม่รู้เรื่องอย่างนี้เสียเลยผมว่ามันก็ไม่ถูกนะ มันต้องรู้

แต่ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไร มันจะรู้ก็ด้วยวิธีถามเขา เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วถ้าเราถามแม่ว่าหนูเกิดมาอย่างไร แม่บอกว่าเกิดทางสะดือ นี่สำหรับวันที่แม่อารมณ์ดีๆ นะ ถ้าอารมณ์ไม่ดีอาจจะผลักตกบันไดก็ได้...ถามอะไรไม่รู้สัปดน เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะต้องศึกษากัน ทีนี้เมื่อคุณและผมได้มาอยู่ในยุคที่เราโตกันแล้ว เราคงไม่ต้องมาถามกันแล้วว่าหนูเกิดมาจากไหน และคุณก็คงไม่เชื่อว่าใครจะเกิดมาทางสะดือแน่ๆ ทีนี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่ากามารมณ์มันทำให้เราสดชื่นอย่างไร มันสดชื่นเหมือนเดินทางมาเหนื่อยๆ แล้วได้อาบน้ำใช่มั้ยฮะ เพราะกามารมณ์นี่เราเสพได้ตลอดเวลาเท่าที่ร่างกายเราต้องการ เมื่อเวลาหิวข้าวก็เสพกามารมณ์ได้ ผมใช้คำเพราะไปหน่อยว่า...เสพ"



@ปรกติของคุณ สัปดาห์ละกี่ครั้ง

"แหม...ผมไม่ค่อยกำหนด มันขึ้นอยู่กับความพอดีฮะ ความพอดีระหว่างกัน คือผมมีความต้องการและเมียผมก็มีความต้องการ คือผมไม่ยอมตบมือข้างเดียวหรอก มันพบกันครึ่งทางก็ยากเพราะมันไม่ใช่เรื่องการเมือง มันต้องเตรียมใจกันก่อนที่จะออกมาพบกัน เพราะว่ามันควรจะต้องการพร้อมๆ กัน"



@หนุ่มสาวที่เป็นคู่รักกันในความคิดของคุณ จำเป็นไหมที่จะต้องมาเรียนรู้ในเรื่องกามารมณ์กันก่อนที่จะแต่งงาน

"ปัญหานี้ ถ้าผมตอบไปปัง บางทีหนังสือ "หนุ่มสาว" อาจจะได้รับจดหมายโจมตีอย่างนับไม่ถ้วนก็ได้นะ"


@อย่างกัญชาล่ะ บางคนว่ามันก็ปลุกได้เหมือนกันหรือ

"ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมเองก็เคยสูบกัญชา ถึงกับเคยร่วมอยู่กับขบวนการฮิปปี้ในซานฟรานซิสโก ก็ดูดกัญชากันเป็นประจำ เราไม่ได้มุ่งหมายเรื่องเซ็กซ์เป็นสำคัญหรอกคุณ และผมก็คิดว่ากัญชามันทำให้ขี้เกียจมากกว่า ขี้เกียจกระทั่งจะจูบผู้หญิงเลยแหละคุณ"



@พวกน้ำหอมต่างๆ มีความจำเป็นไหม

"ฮะ..จำเป็น ไอ้พวกน้ำหอมต่างๆ ที่มันขายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกได้นี่น่ะ ทั้งๆ ที่เราอยากจะปฏิเสธมันเหลือเกินเพราะความแพงของมัน มันก็ยังมีบทบาทของมันอยู่ ในการกระตุ้นความรู้สึกให้อ่อนไหว ไม่ได้หมายความว่าน้ำหอมทำให้เราเกิดกามารมณ์ แต่หมายถึงว่ามันทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่...อย่างไรดีล่ะ ผมไม่อยากใช้คำว่าโรแมนติค เพราะมันก็ไม่ใช่คำนี้ คือมันทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้น

อย่างผมน่ะ ทุกครั้งถ้าได้ยินเสียงแพร หรือเป็นผ้าซิ่นก็ได้หล่นจากตัวผู้หญิงลงมาบนพื้นในคืนที่เงียบๆ ผมรู้สึกชอบจริงๆ ชอบอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก ผมต้องค่อยๆ แอบมอง นี่มันเป็นศิลปของการมีชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่ว่ามาถึงก็เปลื้องเลย มันเกินไป

มันมีเดอตี้โจ๊กอย่างหนึ่ง...อะไรนี่ ชอบถากถางผู้ชายที่ชอบแอบดูเมียอาบน้ำ ปัทโธ่...ผมว่าไม่น่าถากถางเลย มันเป็นความจำเป็นของคนบางคนเหมือนกันนา ผมเองยังชอบแอบดูเมียอาบน้ำเลย มันรู้สึกตื่นเต้นดี มันมีการผจญภัยเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าทำกันจนเป็นนิจสินนะครับ ทำเพียงบางครั้งบางความรู้สึกเท่านั้นเอง"



@อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจแต่งงาน ทั้งๆ ที่อยู่เป็นโสดมาตั้งนาน

"ผมเขียนเสมอว่า ไอ้การเป็นคนของคนเรานั้น นับเป็นการถูกลงโทษชนิดหนึ่ง เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ฟาดฟันกับอุปสรรคกับปัญหารอบด้าน แต่กามารมณ์นี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหวังอยู่บ้าง ผมคิดว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมเป็นวัวไม่มีคอกมาตั้งนาน ผมก็เลยคิดแต่งงาน การแต่งงานก็ให้ความรักกับภรรยาและเราก็ได้ความรักตอบจากภรรยา มันก็เป็นการกระทำให้ชีวิตเราอบอุ่นขึ้นมาบ้างนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"



@คุณให้ความสำคัญกับอวัยวะทุกส่วนทุกชิ้นของเธอเท่าเทียมกัน หรือมีข้อห้ามในอวัยวะบางชิ้นบางส่วนของเธอขณะเมื่ออยู่ด้วยกันบนเตียงไหม

"ไม่ นอกเสียจากเล็บเท่านั้น เวลาเมคเลิฟจะต้องไม่แทะเล็บตีนเมียไปด้วย มันจะทำให้เธอรำคาญ ไอ้ของพวกนี้มันค้นพบได้ในระหว่างกัน คืออันนี้มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างทฤษฎีสร้างอะไรกัน มันค้นพบได้เองในระหว่างชีวิตที่ลึกล้ำระหว่างกัน แล้วเราไม่ละเลย ถ้าหากผู้ชายขี้เมาทุกวัน เห็นเมียเป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งที่ใช้สำเร็จความใคร่ก็แย่...ผู้หญิงที่ไม่เอาใจผัวเลย เพราะเห็นว่าเป็นภาวะจำยอมอย่างนี้ก็แย่อีก ถ้าหากผัวเมียศึกษากันและกันทุกอย่างคงราบรื่น"



@ผู้หญิงที่เซ็กซี่ในสายตาของคุณเป็นแบบไหน

"ผมไม่เคยจำกัดเลย ผมบอกแล้วว่ามันขึ้นอยู่กันบุคลิกของคน เวลาและโอกาสหลายๆ อย่างประกอบกันมากกว่า แต่ผมบอกคุณได้คำเดียวว่าผมไม่ชอบผู้หญิงที่โกนขนรักแร้ นี่เป็นความจริง แล้วก็อย่างพวกที่แต่งหน้ามากเกินไปผมก็ไม่ชอบ แต่ทว่าในบางอารมณ์ผมอาจจะชอบก็ได้ แต่โดยทั่วๆ ไปผมไม่ชอบ มันมากไป เพราะผมคงไม่เมคเลิฟกับกระป๋องสี ผมว่าผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้านี่บริสุทธิ์ สวย"

ฯลฯ






หมายเหตุ : ปกรณ์ พงศ์วราภา กล่าวไว้ในหนังสืออนุสรณ์ว่า "เป็นบทสัมภาษณ์ที่เจ๋งชิ้นหนึ่งในชีวิตการทำหนังสือ" โดยผู้สัมภาษณ์ครั้งนี้คือ ณิพรรณ กุลประสูตร

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภาพของเขา (และ คุณชาย) : เสด็จฯเหนือ



ภาพชุด เสด็จฯเหนือ โดย คึกฤทธิ์ ปราโมช และ 'รงค์ วงษ์สวรรค์

ชาวกรุง ปีที่ 7 เล่มที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2501















วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จากศิษย์เก่าเตรียมอุดมฯ รุ่น 10


ใต้ร่มบุญญา เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นโดยสมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษา สำหรับงานคืนสู่เหย้า ชาว ต.อ. ครั้งที่ 26 ที่มีชื่องานว่า "ดับโลกร้อน ย้อนวันวาน เยือนบ้าน ต.อ." เมื่อวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2551 ภายในเล่มประกอบด้วยงานเขียนของบรรดานักเขียนผู้เป็นนักเรียนเก่าเตรียมอุดมฯมากมายหลายรุ่น หนึ่งในนั้นคือศิษย์เก่ารุ่นที่ 10 ชื่อ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ 




เนื่องจากตรงกับปีมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา ชมัยภร แสงกระจ่าง ผู้รับหน้าที่สาราณียกรจึงรวบรวมและคัดเลือกผลงานของศิษย์เก่าเตรียมอุดมศึกษาตั้งแต่รุ่นที่ 1 (ถึงเพียงรุ่นที่ 39 เพราะข้อจำกัดเรื่องปริมาณเนื้อหา) เริ่มจากงานเขียนในลักษณะเฉลิมพระเกียรติหรือเขียนถึงพระราชจริยาวัตรของพระองค์ ตามมาด้วยผลงานที่แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยเคลื่อนมาอย่างไรในยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน ลองไล่เรียงรายชื่อแล้วจะพบว่าเป็นหนังสือที่มากด้วยนักเขียนอาวุโส-นักเขียนรุ่นใหญ่แทบทั้งนั้น

งานเขียนของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ อยู่ในส่วนของ "เรื่องแต่ง" เป็นเรื่องสั้นชื่อว่า ผม (ประชาชน) คัดจากหนังสือ ความหิวที่รัก



วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553